เหตุการณ์สำคัญของเรา
การเป็นส่วนหนึ่งของการขุดเจาะอุโมงค์มองบลังก์ การก่อสร้างโรงบดหิน และการสร้างสถิติโลก ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก ใช้เวลายาวนานหรือไม่นานนัก กลับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่หล่อหลอมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัทขึ้นมา และนี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งของเรา

ในช่วงปลายทศวรรษ 1930 เกิดสถานการณ์ซีเมนต์คาร์ไบด์ขาดแคลนในประเทศสวีเดน Carl Sebardt ผู้จัดการฝ่ายผลิตจึงได้ริเริ่มความร่วมมือกับโรงงาน Luma ภายใต้สังกัดของสมาคมสหกรณ์แห่งสวีเดน ซึ่งเป็นผู้ผลิตซีเมนต์คาร์ไบด์เพื่อใช้งานทางการทหารในขณะนั้น ในปี 1942 Sandvik และ Luma ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อถ่ายโอนสิทธิในการผลิตซีเมนต์คาร์ไบด์สำหรับพลเรือนของ Luma ให้กับ Sandvik แต่เพียงผู้เดียว Sebardt ได้ตั้งชื่อคาร์ไบด์ดังกล่าวว่า Coromant ซึ่งเป็นการรวมคำระหว่าง "Diamant" ที่มีความหมายว่า "เพชร" ในภาษาสวีเดน และ "Corona" ซึ่งในขณะนั้นเป็นชื่อเหล็กกล้าไฮสปีดของ Sandvik และเรื่องราวต่อมาที่เหลืออยู่คือประวัติศาสตร์

ฝ่าฟันสู่จุดสูงสุด
ในช่วงแรก Sandvik Coromant ทราบดีว่าการฟื้นฟูสภาพเครื่องมือนั้นมีความจำเป็นต่อการผลิตของลูกค้าอย่างยิ่ง แต่โชคไม่ดีที่ประสิทธิภาพของเม็ดมีดคาร์ไบด์ไม่ดีดังเดิมหลังจากที่ผ่านกระบวนการลับคม ด้วยความเชื่อว่าลูกค้าควรเข้าถึงอุปกรณ์ลับคมชั้นเลิศและใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ บริษัทจึงได้จัดตั้งศูนย์ลับคมแห่งแรกขึ้นในปี 1944 โดยลูกค้าสามารถซ่อมแซมและลับคมเครื่องมือได้ที่นี่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเข้ารับการฝึกอบรมด้านการบำรุงรักษาเครื่องมือซีเมนต์คาร์ไบด์ได้อีกด้วย ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนด้านเครื่องมือของลูกค้าลดลงและมีประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ Sandvik Coromant กลายเป็นบริษัทระบบเครื่องมือได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ ในอุตสาหกรรม

รักษาความเป็นที่หนึ่ง
Sandvik Coromant มีความภาคภูมิใจในความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรมและการวิจัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งสำหรับบริษัทของเราตั้งแต่แรกเริ่ม และสตั๊ดของ Sandvik (ภาษาสวีเดนเรียกว่า "Sandvikbrodden") ก็รวมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าแผนกดูแลด้านการสึกหรอของชิ้นส่วนต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อพัฒนาซีเมนต์คาร์ไบด์ที่มีคุณภาพซึ่งสามารถทนแรงเครียดและมีคุณสมบัติที่ทนต่อการสึกหรอได้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้คือ สตั๊ด Sandvikbrodden ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเนื่องจากส่วนช่วยอย่างมากในการเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนของสวีเดน สตั๊ดดังกล่าวผ่านการทดสอบคุณภาพหลายต่อหลายครั้ง เช่น การทดสอบของผู้ผลิตรถยนต์ที่ต้องการทราบว่าสตั๊ดจะมีสภาพเช่นใดเมื่อนำใช้กับยางของรถบรรทุกที่มีน้ำหนัก 29 ตัน ยางรถใช้การไม่ได้หลังจากผ่านไปราว 30,000 กิโลเมตร แต่ไม่ใช่สำหรับ Sandvikbrodden เนื่องจากสตั๊ด 448 ตัวจากจำนวนทั้งหมด 552 ตัวยังคงอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม และในช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุด เราเคยผลิตสตั๊ดเป็นจำนวนมากถึง 15 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์
เชื่อมสัมพันธ์กับฝรั่งเศสด้วยผลงานจากอิตาลี
ในปี 1965 อุโมงค์มองบลังค์ทำให้ระยะทางระหว่างกรุงปารีสและกรุงโรมสั้นลงถึง 150 กิโลเมตร โดย Charles de Gaulle ประธานาธิบดีของประเทศฝรั่งเศสและ Giuseppe Saragat ประธานาธิบดีของประเทศอิตาลีในขณะนั้นเป็นผู้ทำพิธีเปิดอุโมงค์มองบลังค์ด้วยตัวเอง และถือเป็นอุโมงค์ทางหลวงที่มีระยะทางยาวที่สุดในช่วงเวลานั้น อุโมงค์แห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 6 ปีและต้องทำการขุดเจาะอุโมงค์ผ่านเทือกเขามองบลังค์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ที่มียอดเขาสูงที่สุดในยุโรปตะวันตก เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว อุโมงค์แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองชาโมนิกซ์ของประเทศฝรั่งเศสกับเมืองคูร์มาเยอร์ของประเทศอิตาลี โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Sandvik กับ Atlas Copco ซึ่งสว่านเจาะหินที่ใช้ในโครงการผลิตขึ้นจากซีเมนต์คาร์ไบด์ของ Sandvik Coromant
ประสิทธิภาพการผลิตติดล้อ
รถบรรทุกอาหาร รถบัสสำหรับบริจาคเลือด หรือแม้กระทั่งห้องสมุดเคลื่อนที่ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปทั้งในเขตเมืองและเขตชนบท Sandvik Coromant เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มยานยนต์บริการบนท้องถนนมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ด้วยการเปิดตัวมินิแวนภายใต้ชื่อ Corovan ในประเทศญี่ปุ่น รถมินิแวนคันนี้เป็นรถจัดแสดงสินค้าเคลื่อนที่ที่ตัวแทนฝ่ายขายใช้สำหรับนำเสนอสินค้าต่างๆ ของ Sandvik Coromant อีกทั้งยังใช้ทำกิจกรรมทางการตลาดในท้องถิ่นด้วย "วิศวกรฝ่ายขายต้องออกไปพบกับลูกค้าอยู่แล้ว" Mitsuhiro Kokubo ตัวแทนฝ่ายขายของ Sandvik Coromant กล่าว "การใช้รถนี้จะช่วยสร้าง ‘บรรยากาศของการจัดกิจกรรม’ แม้จะเป็นการพบปะกันเป็นประจำอยู่แล้วก็ตาม" "นี่เป็นการประชาสัมพันธ์ที่สร้างความแตกต่าง" "มีเครื่องมือมากมายเหลือเกิน!" "มันเยี่ยมมากๆ เลย!" นี่เป็นเสียงตอบรับที่ได้จากลูกค้าเมื่อตัวแทนฝ่ายขายของ Sandvik Coromant ในประเทศญี่ปุ่นจัดกิจกรรมใน Corovan ลูกค้าชื่นชอบกับการมีโอกาสได้เห็นผลิตภัณฑ์ "ของจริง" มากกว่าการดูจากโบรชัวร์หรือทางออนไลน์ "ผมชอบที่ได้จับและสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ และสามารถเลือกดูเครื่องมือต่างๆ ได้ตามต้องการ" Fumihiko Andoh ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกตัดเฉือนชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ 2 ของ Oguchi Production ในจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น กล่าว

วิธีแก้ปัญหาแบบพิเศษไม่เหมือนใครสำหรับแรงงานคนพิเศษ
ในสถานการณ์คับขันแม้จะเสี่ยงก็ต้องทำกันหรือ ไม่จำเป็นเสมอไป ในช่วงฤดูหนาวของปี 1992/1993 เมื่อคลังสินค้าของ Sandvik Coromant ในเมืองกิโม ประเทศสวีเดน ประสบปัญหาอย่างหนัก บริษัทได้ใช้แนวทางการแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใคร คลังสินค้าได้รับคำสั่งให้ลดการทำงานและเลิกจ้างพนักงาน 185 ราย แต่ฝ่ายบริหารจัดการในท้องถิ่นมีความคิดที่แตกต่างด้วยการแบ่งปันงานที่มีภายในกลุ่มพนักงาน ทำให้เกิดตารางการทำงานแบบส่วนต่อสัปดาห์ขึ้นมาและเป็นวิธีแก้ปัญหาที่แรงงานส่วนใหญ่เต็มใจยอมรับ การทำงานส่วนต่อสัปดาห์นี้ควรมีผลบังคับใช้ถึงปี 1995 แต่ได้ถูกยกเลิกไปในช่วงฤดูร้อนของปี 1994 เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเพียงพอให้พนักงานกลับมาทำงานห้าวันต่อสัปดาห์ได้ตามปกติ
การช่วยเหลือชาวเหมืองในชิลี
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2010 เหมืองทองและทองแดง San Jose ในประเทศชิลีเกิดถล่มลงมา ทำให้คนงานเหมือง 33 รายติดอยู่ภายในนั้น กลุ่มคนที่ติดอยู่ในเหมืองเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัยฉุกเฉินซึ่งมีอาหารกระป๋องจำนวนหนึ่งและน้ำดื่ม 10 ขวด พร้อมด้วยน้ำสำหรับใช้หล่อเย็นเครื่องจักรที่กักเก็บไว้อีกหลายพันลิตร ซึ่งพอให้ดื่มได้แม้จะไม่ใช่น้ำดื่มจริงๆ ก็ตาม หลังจากผ่านไปได้ 17 วัน สว่านได้เจาะทะลุจากด้านบนลงมาถึงด้านล่างและทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถติดต่อกับคนงานเหมืองที่ติดอยู่ภายในได้สำเร็จ ข้อความแรกที่ติดมากับดอกสว่านมีใจความว่า "พวกเราปลอดภัยดีอยู่ในหลุมหลบภัยหมายเลข 33" ดอกสว่านระบบ Ejector ของ CoroDrill 800 จาก Sandvik Coromant คือเครื่องมือสำคัญที่ใช้เจาะเปิดเส้นทางส่งเสบียงอาหารและน้ำลงไปให้คนงานเหมืองที่ติดอยู่ใต้ดินที่มีความลึกถึง 610 เมตร และในอีก 52 วันต่อมา การเจาะหลุมใหม่ที่มีความกว้างมากพอสำหรับส่งแคปซูลกู้ภัยลงไปช่วยเหลือคนงานเหมืองก็ประสบความสำเร็จ นับเวลารวมกันทั้งหมดตั้งแต่เกิดเหตุถล่มจนถึงการเข้าช่วยเหลือใช้เวลาทั้งสิ้น 69 วัน ผู้คนนับล้านทั่วโลกติดตามชมภารกิจกู้ภัยในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด และความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการผสานรวมองค์ความรู้ด้านวิศวกรรม สภาพจิตใจที่เข้มแข็ง และศรัทธาที่ไม่เคยเสื่อมคลาย

ด้ามกลึงคว้านที่ทำลายสถิติ
เราก้าวสู่ความสำเร็จอีกขั้นและทำลายสถิติโลกลงไดในปี 2015 จากความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด การออกแบบที่พิถีพิถัน และระบบเครื่องมือที่ครบวงจรของทั้งสองบริษัท ความสำเร็จเกิดขึ้นที่ Gurutzpe Turning Solutions ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดกิปซโกอาในแคว้นบาสก์ทางตอนเหนือของประเทศสเปน "เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านั้น เราได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า BIMU ที่ประเทศอิตาลี และภายในงานดังกล่าว เรามีโอกาสได้พูดคุยกับบริษัทแห่งหนึ่งของประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งให้ความสนใจในศักยภาพเครื่องกลึงของเราเป็นอย่างมาก" Oscar Anitua ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ Gurutzpe เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น "พวกเขาต้องการเข้ามาชมโรงงานของเรา ซึ่งนั่นเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพที่เรามีทั้งในด้านเทคโนโลยีและการออกแบบ การเยี่ยมชมโรงงานครั้งนั้นสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างมากจนถึงขั้นตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องกลึงขนาด 20 เมตรกับเรา" และเครื่องกลึงที่มีการสั่งซื้อดังกล่าวได้มีการติดตั้งดามกลึงคว้านเสริมความแข็งแรงพร้อมระบบลดแรงสั่นสะเทือน Silent tools ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งผลิตโดย Sandvik Coromant Jon Arregi ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรของ Sandvik Coromant กล่าวว่า "หลังจาก Sandvik Coromant Ibérica ได้รับคำสั่งซื้อ ทางบริษัทได้ติดต่อกับแผนกดูแลด้านการตัดเฉือนที่ปราศจากการสั่นสะเทือนของ Sandvik Coromant ในเมืองทรอนด์ไฮม์เพื่อออกแบบและผลิตดามกลึงคว้านลดการสั่นสะเทือนด้วย Silent tools ที่สามารถคว้านรูที่มีความลึกได้ถึง 4,200 มิลลิเมตรหรือ 14 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางที่ 300 มิลลิเมตร ความร่วมมือระหว่างแผนกปฏิบัติการของ Sandvik Coromant ในทรอนด์ไฮม์และ Gurutzpe ยังขยายรวมไปถึงการออกแบบตัวจับยึดสำหรับเครื่องจักรด้วย" การผลิตดามกลึงคว้านใช้เวลาสี่เดือนและมีความยาวถึง 6,090 มิลลิเมตรเมื่อสร้างเสร็จ ซึ่งถือเป็นสถิติโลกใหม่ในระดับพรีเมียม

ศูนย์ Sandvik Coromant
หลังจากใช้เวลาก่อสร้างนานสองปี Sandvik Coromant ก็ได้เปิดตัวศูนย์ Sandvik Coromant ในเดือนตุลาคม 2014 ซึ่งเป็นศูนย์หลักของบริษัทในเมืองแซนดวิคเคน ประเทศสวีเดน และบริษัทยังได้เปิดศูนย์ที่คล้ายคลึงกันที่เมืองหังโจว ประเทศจีน ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน Bertil Isaksson ผู้จัดการโครงการอาวุโสกล่าวในขณะนั้นกล่าวว่า Sandvik Coromant ต้องการให้ศูนย์เหล่านี้เป็นสถานที่พบปะสำหรับอุตสาหกรรมทั่วโลก "เราต้องการแสดงให้ลูกค้าเห็นด้วยตนเองว่า Sandvik Coromant คือส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมการผลิตแห่งอนาคต" เขากล่าว "ลูกค้าที่แวะเข้ามายังศูนย์ของเราจะได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจของตน นอกจากนี้ยังจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอในการเป็นคู่ค้ากับ Sandvik Coromant ด้วย" "เรากำหนดไว้แล้วว่าจะให้ผู้ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมศูนย์ของเรานั้นจดจำสิ่งใดบ้างเมื่อพวกเขากลับไป" Isaksson กล่าว "ถ้ามองในด้านเทคนิค ผู้ที่แวะเข้ามายังศูนย์แห่งนี้จะมีโอกาสได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา รวมทั้งได้รับข้อมูลที่เป็นคำตอบสำหรับโจทย์ความท้าทายในด้านการผลิต ถ้าลูกค้ามีโจทย์ที่ต้องการความเชี่ยวชาญขั้นสูงในการแก้ปัญหา เราพร้อมให้ความช่วยเหลือด้วยความรู้ความชำนาญในด้านการตัดเฉือนของเรา ผมรับประกันได้เลยว่าคำตอบที่ได้จากเรานั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างตรงจุด" ศูนย์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายศูนย์ Sandvik Coromant ทั่วโลก ซึ่งสามารถแบ่งปันความรู้ที่ได้รับจากศูนย์หนึ่งไปยังศูนย์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย Klas Forsström ประธานบริษัท Sandvik Coromant ได้กล่าวถึงการลงทุนเมื่อเปิดศูนย์ Sandvik Coromant ในเมืองแซนดวิคเคนว่า "เราต้องการสร้างสถานที่พบปะระดับโลก ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมการผลิตต้องการ" Forsström กล่าว "ศูนย์แห่งนี้คือสถานที่ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่สนใจในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นวัตกรรมทางการวิจัยที่ล้ำหน้า และอนาคตด้านการผลิตทั่วโลก"